หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความหมายของคอมพิวเตอร์
หมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งที่สามารถรับโปรแกรมและข้อมูล
ประมวลผล สื่อสารเคลื่อนย้ายข้อมูลและแสดงผลลัพธ์ได้วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์
ในการทำงานของคอมพิวเตอร์
จะมีขั้นตอนการทำงานพื้นฐาน 4 ขั้นตอน
1. รับข้อมูล (Input) คอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่รับข้อมูลเพื่อนำไปประมวล
อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ แป้นพิมพ์ (Keyboard) และเมาส์(Mouse) เป็นต้น
2. ประมวลผล (Process) เมื่อคอมพิวเตอร์รับข้อมูลเข้าสู่ระบบแล้ว
จะทำการประมวลผลตามโปรแกรมหรือคำสั่งที่กำหนด เช่น การคำนวณภาษี
การคำนวณเกรดเฉลี่ย เป็นต้น
3. แสดงผล (Output) คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากดการประมวลผลไปยังหน่วยแสดงผล
อุปกรณ์ทำหน้าที่แสดงที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบัน ได้แก่ จอภาพ(Monitor)และเครื่องพิมพ์ (Printer) เป็นต้น
4. จัดเก็บข้อมูล (Storage) คอมพิวเตอร์จะทำการจัดเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสก์ (Hard
Disk)แผ่นฟลอบปีดิสก์ (Floppy Disk)เป็นต้น
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติที่สำคัญ 5 ประการดังนี้
1. การทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic
machine)
การจัดเก็บข้อมูลที่บันทึกผ่านทางแป้นพิมพ์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกแปลงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและสามารถประมวลผลได้
และเมื่อคอมพิวเตอร์ประมวลผลเรียบร้อยแล้วข้อมูลที่เป็นสัญญาณไฟฟ้าจะถูกแปลงกลับให้เป็นรูปแบบที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้
2. การทำงานด้วยความเร็วสูง (Speed)
เนื่องจากการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์
ดังนั้นการดำเนินงานต่าง ๆ จึงสามารถกระทำได้อย่างรวดเร็ว (มากกว่าพันล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที)
3. ความถูกต้องแม่นยำเชื่อถือได้ (Accuracy
and Reliability)
คอมพิวเตอร์จะทำงานตามที่คำสั่งที่มนุษย์เขียนโปรแกรมหรือคำสั่งไว้ ถ้าผู้ใช้ป้อนข้อมูลและชุดคำสั่งมีความถูกต้อง
ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลก็จะมีความถูกต้องเชื่อถือได้
4. การเก็บข้อมูลได้ในปริมาณมาก (Storage)
คอมพิวเตอร์ทีหน่วยความจำที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่บันทึกไป
ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดของคอมพิวเตอร์ เช่น
เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะมีหน่วยเก็บข้อมูลสำรองที่สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหมื่นล้านตัวอักษร
5. การสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูล (Communication)
คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ
และสามารถทำงานที่หลากหลายมากขึ้นกว่าการใช้คอมพิวเตอร์ระบบเดี่ยว เช่น
การนำคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อการสืบค้น
ประเภทของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์สามารถจำแนกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของขนาดเครื่อง
ความเร็วในการประมวลผล และราคาเป็นข้อพิจารณา
หลักโดยทั่วไปนิยมจำแนกประเภทคอมพิวเตอร์เป็น 6 ประเภท
ดังนี้ คือ
1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด
การใช้งานคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น การพยากรณ์อากาศ
การทดสอบทางอวกาศและงานอื่นที่มีการคำนวณซับซ้อน
2.คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Mainframe
computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์
สามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายร้อยคน ประมวลผลด้วยความเร็วสูง
มีหน่วยความจำขนาดใหญ่ การจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากใช้กับองค์การขนาดใหญ่ เช่น
งานธนาคาร การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียนและการตรวจสอบผลการเรียนของนักศึกษา
เป็นต้น
3.มินิคอมพิวเตอร์
หรือคอมพิวเตอร์ขนากกลาง (Minicomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยกว่าเมนเฟรมแต่สูงกว่าไมโครคอมพิวเตอร์
และสามารถรับรองการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายคนในการทำงานที่แตกต่างกัน เช่น
การคำนวณทางด้านวิศวกรรม ทำให้การพัฒนามินิคอมพิวเตอร์เจริญอย่างรวดเร็ว
การจองห้องโรงแรม การทำงานด้านบัญชีขององค์การธุรกิจ เป็นต้น
4.เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (Server
computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนการทำงานของคอมพิวเตอร์เครือข่าย
ซึ่งใช้ในการจัดสรรและใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น แฟ้มข้อมูล
โปรแกรมประยุกต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
5.ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีผู้นิยมใช้แพร่หลายมากที่สุด
ส่งผลให้การพัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มีลักษณะและรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น
คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop computer) เหมาะกับโต๊ะทำงานในสำนักงาน
สถานศึกษา และที่บ้าน คอมพิวเตอร์พกพา (Portable computer)เหมาะแก่การพกพาไปใช้ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น Notebook
computer เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีน้ำหนักประมาณ 2-4 กิโลกรัม อุปกรณ์ประกอบด้วยแป้นพิมพ์ขนาดมาตราฐาน
ปกติจะมีเครื่องอ่านแผ่นดิสก์โดยเฉพาะในปัจจุบันจะมีเครื่องอ่านผ่นซีดีรอมด้วย Subnotebook
computer มีน้ำหนักน้อยกว่า 2 กิโลกรัม
จะไม่มีเครื่องอ่านแผ่นดิสก์ และจะใช้การ์ดบันทึกสำหรับงานเฉพาะอย่างแทน Laptop
computer มีน้ำหนักและขนาดใหญ่กว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
มีน้ำหนักประมาณ 4-7 กิโลกรัม
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมาจากน้ำหนักของฮาร์ดดิสก์และจอภาพแสดงผลที่มีขนาดใหญ่Hand-held
computer อออกแบบขึ้นเพื่อใช้งานเฉพาะอย่างและนิยมใช้สำหรับงานที่มีการเคลื่อนย้าย
เช่น การนับจำนวนสินค้า เป็นต้น Palmtop computer เป็นคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้จัดการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ได้แก่ ปฏิทินนัดหมายการประชุม ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์
การบันทึกสิ่งที่จะต้องทำ เป็นต้น ไม่มีฮาร์ดดิสก์สำหรับบันทึกข้อมูล Pen
computer เป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลลงบนหน้าจอ และในบางครั้งอาจใช้ปากกานี้สำหรับเป็นอุปกรณ์เพื่อเลือกการทำงานบนจอภาพ ระบบปากกาหรือ pen
system นี้ใช้โปรแกรมพิเศษเฉพาะระบบ
และเป็นคอมพิวเตอร์ที่ถือว่าประสบความสำเร็จ
ประเภทที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย คือ personal digital
assistant (PDA) หรือpersonal communicator
6.คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded
computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่าง ๆ
นิยมนำมาใช้ทำงานเฉพาะด้านจะทำงานที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้น ๆ เช่น
เครื่องเลนเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์
ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 6 ส่วน คือ
(1) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่นแป้นพิมพ์ เมาส์
หน่วยประมวลผลกลาง จอภาพ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์อื่น ๆ
ฮาร์ดแวร์จะทำงานตามโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้น
(2) ซอฟต์แวร์ (Software) บางครั้งเรียกว่าโปรแกรม
หรือชุดคำสั่งวัตถุประสงค์หลักของซอฟต์แวร์ที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน
คือการประมวลผลข้อมูล (Data) ให้เป็นสารสนเทศ(Information)
(3) ข้อมูลหรือข้อสารสนเทศ (Dataหรือ Information)ในการประมวลผลข้อมูล
คอมพิวเตอร์จะประมวลผลตามข้อมูลหรือข้อสนเทศที่ป้อนเข้าสู่หน่วยรับข้อมูล
ดังนั้นข้อมูลจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ
ข้อมูล หมายถึง
ข้อเท็จจริงที่ได้จากการรวบรวม ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ หรือเสียง
เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำการประมวลให้ได้สารสนเทศ
สารสนเทศ หมายถึง
สิ่งที่ได้จากการประมวลผลแล้ว
ซึ่งในในบางครั้งสารสนเทศอาจจะเป็นข้อมูลเพื่อการประมวลผลให้ได้ข้อสนเทศอีกอย่างหนึ่งก็ได้
เช่น คะแนนสอบของนักศึกษาเป็นข้อมูล เมื่อผ่านการตัดเกรด จะได้เกรดเป็นสารสนเทศ
และเมื่อนำเกรดนักศึกษาไปคำนวณหาค่าเฉลี่ย เกรดของนักศึกษาจะเป็นข้อมูล
และสารสนเทศที่ได้คือเกรดเฉลี่ย(GPA)
(4) ผู้ใช้ (User) การทำงานของคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องให้ผู้ใช้สั่งงาน
(5) กระบวนการทำงาน (Procedure) เป็นขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์หรือข้อสนเทศจากคอมพิวเตอร์
ในการทำงานกัวบคอมพิวเตอร์จำเป็นที่ผู้ใช้จะต้องเข้าใจขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธภาพ
(6) บุคลากรทางสารสนเทศ (Information
systems personnel) เป็นส่วนที่สำคัญของระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์
เพื่อจัดการให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนทำงานร่วมกับผู้ใช้
อย่างใกล้ชิด
บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์
บุคลากรที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์
มีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกันกับลักษณะของงานที่รับผิดชอบ
ซึ่งสามารถสรุปเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
1. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (Operator)
เป็นผู้รับผิดชอบดูแลเครื่องให้สามารถทำงานได้ตามปกติ
หากเกิดปัญหาขัดข้องเกี่ยวกับระบบจะต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบเพื่อทำการแก้ไข
บำรุงรักษาอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้สามารถพร้อมที่จะนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบ (System) และโปรแกรม ประกอบด้วย
2.1 นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (systems
analyst and designer) ทำหน้าที่ศึกษาและรวบรวมความต้องการของผู้ใช้ระบบ
และทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้ระบบและนักเขียนโปร
2.2 ผู้บริหารฐานข้อมูล โปรแกรมเมอร์ (Programmer)
หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น